เส้นทางสุดหินสู่ความสำเร็จ

 The hard road to success

คุณโยฮัน ดูเวนเฮจ จับงานเฉพาะกิจประเภทซ่อมแซมหรือเปลี่ยนผิวถนนทั่วเส้นทางที่กันดารและสูงชันในจังหวัดอีสเทอร์นเคปของแอฟริกาใต้
        
         รถทั้ง 63 คันของคุณโดเวนเฮจเป็นรถยูดีทั้งหมด แยกย้ายกันทำงานอยู่ตามไซต์ก่อสร้าง เขาใช้คนขับ 63 คนที่คอยดูแลรถที่ตัวเองขับอยู่เป็นอย่างดี ด้วยการล้างทำความสะอาดกระจกหน้า ปัดฝุ่นออกจากกระจังและเช็ดประตูเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานของ PM Transport
        
       ลักษณะของงานทำให้หาคนขับดีๆ ได้ยาก เมื่อเสร็จงานหนึ่งก็ต้องย้ายฐานไปที่ใหม่ คนมักไม่ค่อยอยากไปทำงานไกลบ้าน "เราอยู่ติดที่ไม่ได้ เราต้องย้ายตามงานไปเรื่อยครับ" คุณดูเวนเฮจพูด
        
       มาตรการหนึ่งที่บริษัทใช้เพื่อดูแลพนักงานคือการสร้างบ้านกึ่งถาวรให้พนักงานโดยเช่าที่และก่อสร้างบ้านพักขึ้นมา งานมักจะกินเวลาราว 6 ถึง 36 เดือน เมื่อจบภารกิจก็รื้อบ้านและย้ายไปที่ใหม่
        
       ด้วยแนวทางนี้ เขาสามารถรักษาคนขับไว้ได้ 40% จากทั้งหมดเมื่อจำเป็นต้องย้ายสถานที่ มีอยู่หนึ่งคนที่ทำงานกับเขามานานถึง 28 ปีแล้ว

 The hard road to success

ได้สัญญาใหม่ก็ต้องย้ายบ้านตาม
งานล่าสุดเป็นงานปรับปรุงเส้นทางสาย N10 ที่ต้องถมให้สูงขึ้นและขยายให้กว้างขึ้นเพื่อความปลอดภัย มันต้องลาดยางใหม่ทั้งเส้นเพราะว่าผิวถนนพังไปหมดแล้ว งานนี้จึงทำให้คุณโยฮันยุ่งได้ทุกวันแน่นอนเพราะรถดัมพ์ยูดีทั้ง 25 คันของเขามีภารกิจในการขนกรวดและหินบัลลาสต์เพื่อเอาไปรองพื้นถนนทั้งเส้นนี้

คนขับกับรถยูดีทั้ง 25 คันวิ่งไปมาระหว่างเหมืองกับไซต์งานที่ N10 รถบรรทุกติดตั้งเครนเพื่อขนหินบดไปเทใส่หลังรถดัมพ์ จากนั้นก็ขับออกไปเทลงบนถนนสาย N10 ที่อยู่ห่างไปสองสามกิโลเมตร ขากลับก็จะขนเศษดินจากผิวถนนเก่ากลับมาด้วย แม้งานจะหนักและต้องทำงานท่ามกลางความร้อนสูง แต่รถบรรทุกก็ไม่เคยมีเหตุต้องพังเลยแม้แต่ครั้งเดียว

The hard road to success

 

The hard road to success

เควสเตอร์เป็นรถที่เยี่ยมสุดในฟลีทของผม
ถ้าถามว่าคุณดูเวนเฮจชอบอะไรในยูดี เควสเตอร์ คำตอบของเขาคือ "ชอบทุกอย่างครับ"
ทั้งพละกำลัง การใช้เชื้อเพลิง ความสามารถในการบรรทุก ดังนั้น มันจึงขนหินได้มากและวิ่งได้หลายรอบกว่า

ยูดี เควสเตอร์ทำงานได้ดีเยี่ยมในอากาศร้อน สภาพกันดารอย่างแอฟริกาใต้ ตอนนี้คุณดูเวนเฮจ มีเควสเตอร์เครื่องยนต์ 11 ลิตรอยู่ 12 คัน เขาประทับใจกับระบบการแนะนำใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบเรียลไทม์อย่างมาก เพราะมันช่วยแนะนำให้คนขับใช้เชื้อเพลิงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มันมีไอคอนที่แสดงขึ้นมาว่าควรจะเหยียบคันเร่งหนักเบาแค่ไหนและเมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนเกียร์เพื่อรักษารอบเครื่องยนต์ไว้ในย่านที่มีประสิทธิภาพที่สุดระบบตรวจสอบนี้จึงช่วยให้ใช้เชื้อเพลิงได้มีประสิทธิภาพขึ้นและทำให้พวกเขาทำงานได้ผลดีกว่าเดิมด้วย

The hard road to success

 

The hard road to success

ตอนนี้เขาวางแผนจะซื้อเควสเตอร์เข้ามาอีก 25 – 30 คันในช่วงสองปีนี้ “เราประทับใจมากเรื่องการใช้เชื้อเพลิงและพละกำลังของรถ เราจึงมีแผนขยายฟลีทรถ ผมอยากจะขยายธุรกิจไปสัก 40-50% แต่เราคงต้องขายรถเก่าออกไปสัก 12 คันด้วย” เขาพูด

คุณโดเวนเฮจ ใช้ยูดีมากว่า 15 ปีแล้ว เฉลี่ยแต่ละคันวิ่งไปประมาณ 80000 กิโลเมตรแต่ค่าบำรุงรักษารถเก่าก็ยังถือว่าถูกมาก ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่สุดกับเป็นค่ายางที่รั่วบ่อยเพราะโดนหินตำมากกว่า

คุณอัลเฟรด ราสมีนี่ ยืนอยู่หน้ารถบรรทุกอย่างภูมิใจ เควสเตอร์ที่เขาขับคือรถใหม่ในจำนวน 12 คันที่บริษัทซื้อเข้ามาใช้เมื่อปีก่อน เขามองว่านี้คือรางวัลที่เขาได้รับจากการทำงานนี้

“รถใหม่สบายกว่าเดิมและแรงกว่าเดิมครับ“ เขาพูด และยังบอกว่าชอบระบบโค้ชชิ่งการใช้เชื้อเพลิงในเควสเตอร์ด้วย “มันบอกว่าต้องเร่งเครื่องหรือผ่อนคันเร่งตอนไหนครับ” แล้ว เขาดูแลรถให้สะอาดตลอดเวลาแม้ฝุ่นจะเยอะมากก็ตาม "ถ้าผมปล่อยให้มันสกปรกก็แสดงว่าผมเกลียดงานนี้สิครับ แต่ว่าผมรักงานนี้ ผมก็เลยอยากให้มันสะอาดเสมอครับ” 

The hard road to success