การเปิดตัวรถบรรทุก Condor ในปี 1975 เป็นการเปิดตลาดรถบรรทุกขนาดกลางครั้งแรกของบริษัท การออกแบบที่ทันสมัยรวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล ED6 แบบสี่สูบและเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและแรงม้ารวมถึงห้องโดยสารที่มีกระจกบานหน้ากว้างและกระจกหน้าต่างด้านข้างที่ไม่ใช่รูปสามเหลี่ยมทำให้คอนดอร์ได้รับการยกย่องจากอุตสาหกรรม 

พัฒนาการของรถบรรทุกคอนดอร์ขนาดกลาง

ในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 เศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างรวดเร็วของญี่ปุ่นทำให้รถบรรทุกกลายเป็นกุญแจสำคัญในการขนส่งสินค้าเนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมการขนส่งมีความหลากหลาย โดยการเปลี่ยนแปลงจากการผลิตผลิตภัณฑ์เดียวในจำนวนมากไปสู่การผลิตแบบผสมผสานในปริมาณไม่มาก และการขยายตัวของโลจิสติกส์เพื่อการขนส่งสินค้าสดและอาหารแช่แข็งในอุตสาหกรรมจัดจำหน่ายอาหาร ทำให้มีความต้องการรถบรรทุกขนาดกลางที่มีความสามารถในการขนส่งด้วยความประหยัดและมีประสิทธิภาพมากกว่าสำหรับการขนส่งระยะสั้นและระยะปานกลาง

เมื่อเกิดวิกฤติราคาน้ำมันขึ้นในปี 1973 ทำให้ความต้องการรถบรรทุกขนาดกลางที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ขยายตัว บริษัทจึงพัฒนารถบรรทุกขนาดกลางขนาด 4 ตันถึง 4.5 ตันด้วยการเปิดตัวรุ่น Condor (คอนดอร์)ในเดือนพฤษภาคม 1975 รถบรรทุกคอนดอร์ใช้เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียงหกสูบสี่จังหวะ มีห้องเผาไหม้แบบหมุนวนที่ปรับปรุงมาจากเครื่องยนต์ยูดีสองจังหวะ ทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพและพลังที่เหนือกว่า ในปี 1977 บริษัทนำเครื่องยนต์ FD6T ที่มีกำลัง 170 แรงม้ามาติดตั้งกับคอนดอร์ด้วยโดยใช้หัวฉีดตรงและเทอร์โบชาร์จเจอร์ เป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นสำหรับรถบรรทุกขนาดกลาง

ในขณะเดียวกันห้องโดยสารก็มีกระจกบานหน้ากว้างและกระจกหน้าต่างด้านข้างก็ไม่ใช่รูปสามเหลี่ยม ทำให้การมองเห็นชัดเจนขึ้น และเป็นที่ชื่นชมจากผู้ใช้งานเนื่องจากทำให้ความรู้สึกในการขับรถบรรทุกคล้ายกับการขับรถยนต์ทั่วไปมากขึ้น หลังจากการเปลี่ยนโมเดลใหม่หมดในปี 1993 คอนดอร์ใหม่มีรูปทรงที่เพรียวขึ้น นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย รถรุ่นล่าสุดนี้ลดการปล่อยก๊าซไอเสียและให้ความสำคัญกับคุณลักษณะด้านความปลอดภัย เช่น เบรก ABS และถุงลมนิรภัย รถรุ่นบุกเบิกนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นรถที่เหมาะกับยุคใหม่ ในปี 2002 บริษัทก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัวรถบรรทุกไฮบริดคันแรกของโลกที่วิ่งด้วยเครื่องยนต์ดีเซลและมอเตอร์

พัฒนาการอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2007 บริษัทกลายเป็นส่วนหนึ่งของวอลโว่ กรุ๊ป ความสำเร็จอย่างแรกของการรวมตัวครั้งนั้นที่สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานร่วมกันอย่างลึกซึ้งและเข้มแข็งได้เกิดขึ้นด้วยการเปิดตัวคอนดอร์โฉมใหม่ ในปี 2011 คอนดอร์ใหม่มีห้องโดยสารที่ออกแบบใหม่หมด เพิ่มการตกแต่งภายในที่กว้างขวาง ห้องโดยสารใหม่มีส่วนอย่างมากในการช่วยประหยัดน้ำมันเนื่องจากมีประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง

นอกเหนือจากการปรับปรุงความสะดวกสบายภายในต่างๆแล้วยังมีความพยายามอย่างหนักเพื่อเสริมความปลอดภัยของผู้โดยสารกรณีเกิดการชน ด้วยใช้โครงสร้างห้องโดยสารที่มีความแข็งแรงและติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันหัวเข่าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ด้านกลไกต่างๆ ก็ออกแบบใหม่และใช้เครื่องยนต์ GH5TA แบบรางคอมมอนเรล เช่นเดียวกับรุ่นควอน คอนดอร์ติดตั้งระบบบำบัดก๊าซไอเสียซึ่งรวมระบบการลดสารเร่งปฏิกิริยาแบบยูเรีย (SCR) กับระบบทำความสะอาดอนุภาค UDC เพื่อลดการปล่อย NOx และ PM ทั้งสองระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ เพิ่มความประหยัดพลังงานและแรงบิดในการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุผลด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น เป็นผลให้รถบรรทุกคอนดอร์ทุกรุ่นล้ำหน้าไปกว่ากฏระเบียบการปล่อยมลพิษ รวมถึงมาตรฐานการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงปี 2015 สำหรับยานพาหนะที่ใช้งานหนัก

คอนดอร์มีรุ่นย่อยหลากหลายมากไม่ว่าจะเป็นรุ่น MK ขนาด 8 ตัน (น้ำหนักรถโดยรวม)  รุ่น LK ขนาด 10 - 11 ตัน รุ่น PK ขนาด 14-15 ตัน และรุ่น PW ขนาด 20 ตัน ในปี 2016 คอนดอร์เพิ่มโมเดล 6x4 PW 24 280 ซึ่งออกแบบมาสำหรับภูมิประเทศและความต้องการเฉพาะของตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โมเดลใหม่นี้เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมสำหรับความสามารถของยูดี ทรัคส์ในการผสมผสานความรู้ความชำนาญในระดับท้องถิ่นเข้ากับความชำนาญและคุณภาพระดับสากลด้วยความเร็วที่น่าประทับใจ ในปี 2017 ได้เปิดตัวคอนดอร์รุ่นใหม่ในประเทศญี่ปุ่นโดยนำเสนอรูปแบบการใช้งานที่ครอบคลุมขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการขนส่งของลูกค้า